12 เทค การทำ Email Marketing ให้ประสบความสำเร็จ
Marketing
Marketing

12 เทคนิค ทำ Email Marketing ให้ประสบความสำเร็จ!

Email Marketing อีกหนึ่งเครื่องมือที่สามารถสร้างยอดขายให้ธุรกิจได้แต่ถูกมองข้ามไป แม้ว่าปัจจุบันการทำการตลาดผ่านอีเมล จะไม่เป็นที่นิยมเท่ากับ Social media หรือ Google Ads แต่ Email Marketing ก็ยังสามารถสร้างยอดขายให้กับธุรกิจของเราได้ดี โดยเฉพาะกับกลุ่มลูกค้าเก่า

 

Email Marketing คืออะไร?

Email Marketing คือ อีเมลที่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด โดยหวังผลบางอย่างจากการส่งอีเมล ไม่ว่าจะเป็นการสร้างยอดขาย การโมตสินค้าใหม่ การจัดกิจกรรมโปรโมชั่น ส่งข่าวประชาสัมพันธ์ หรือสร้าง Traffic ให้กับเว็บไซต์ ลักษณะของการส่ง Email Marketing จะเป็นการส่งไปหาคนจำนวนมากพร้อมๆ กัน

ประโยชน์ของ Email Marketing

โดยทั่วไปเราแล้ว หากเราใช้ Gmail หรือ Hotmail ในการส่งอีเมลจำนวนมาก สัก 100 อีเมลพร้อมๆ กัน อาจทำให้อีเมลของคุณส่งไปไม่ถึงลูกค้า หรือถูกตีกลับได้อีกด้วย ร้ายที่สุดอีเมลของคุณอาจถูกมองว่าเป็ Spam เพราะการใช้อีเมลปกติส่งไปหาลูกค้าคนเดิมซ้ำๆ กันหลายครั้ง แล้วเขาไม่สนใจ ไม่เปิดอีเมลดูบ่อยครั้ง อีเมลของคุณก็จะถูกจัดว่าเป็น Spam เมื่อคุณส่งอีเมลไปหาลูกค้าอีกครั้ง อีเมลของคุณลงไปอยู่ใน Junk Mail แต่ถ้าคุณเลือกใช้ Email Marketing Service คุณก็สามารถส่งอีเมลจำนวนมากได้เท่าที่คุณต้องการเลย!

แต่จุดเด่นของมันยังไม่หมดเพียงเท่านี้

สิ่งที่ทำให้ Email Marketing Service เหมาะกับการทำธุรกิจในยุคนี้มากๆ คือ เราสามารถวัดผลของอีเมลที่เราส่งไปได้ มีจำนวนคนเปิดอีเมลเท่าไหร่ มีกี่คนที่คลิกลิงก์ในอีเมล แล้วคลิกอะไรบ้าง

แล้วถ้าหากคุณทำ Email Marketing ออกมาดี ก็จะช่วยสร้างผลลัพธ์ที่คุณต้องการได้ในระดับนึงเลย และบทความนี้ก็จะช่วยให้คุณรู้ การจะทำ Email Marketing ให้ประสบความสำเร็จ ต้องทำยังไงบ้าง

 

1 เตรียมข้อมูลรายชื่ออีเมล

แน่นอนว่าการจะทำ Email Marketing ให้ได้ผลลัพธ์จริงๆ เพราะฉะนั้น รายชื่ออีเมล ต้องมีที่มา

รายชื่ออีเมลของคุณมาจากที่ไหน มาจากการติดต่อของลูกค้าโดยตรง เก็บข้อมูลจากลูกค้า หรือช่องทางการ Subscribe อีเมลรึป่าว เจ้าของธุรกิจบางรายซื้อข้อมูลอีเมลมา เพื่อส่ง Email Marketing และผลลัพธ์ที่ได้คือ สูญเปล่า เพราะเราไม่ทราบที่มาของอีเมล พวกเขาไม่ใช่ลูกค้าที่แท้จริงของเรา หากคุณต้องการทำ Email Marketing ให้ได้ผลลัพธ์จริง รายชื่ออีเมลของคุณ ต้องมีที่มา

 

2 แบ่งกลุ่มรายชื่ออีเมล

อีกหนึ่งขั้นตอนที่เราต้องทำหลังจากได้รายชื่ออีเมลมาแล้วก็คือ การแบ่งกลุ่มลูกค้าให้ชัดเจน ลูกค้าใช้บริการอะไร กำลังสนใจสินค้าประเภทไหน เป็นลูกค้าใหม่ หรือลูกค้าเก่า ในการส่งอีเมลแต่ละครั้ง ควรตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนเพียงอย่างเดียว การส่งอีเมลที่มีเนื้อหาเฉพาะเจาะจงจะช่วยให้ Email Marketing ของเราเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ลูกค้าใหม่ ลูกค้าเก่า สนใจสินค้า A สนใจสินค้า B

 

3 ผู้ส่งอีเมล (Sender)

ทำไมส่วนนี้ถึงสำคัญ? เพราะการที่ผู้รับอีเมลไม่รู้ว่าใครคือผู้ส่ง ก็มีโอกาสสูงมากที่พวกเขาจะลบอีเมลของคุณทิ้งโดยที่ไม่เปิดอ่านเลย

เพราะฉะนั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือการแสดงตัวตนให้ชัดเจนว่าเราคือใคร อาจใช้ชื่อตัว ชื่อบริษัท หรือชื่อแบรนด์ ตัวอย่างเช่น MakeWebEasy, MakeWebEasy Blog, MakeWebEasy Support บางบริษัทอาจใช้เป็นชื่อเล่นของพนักงาน เพื่อให้ผู้รับรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร พร้อมทำให้ผู้รับรู้สึกใกล้ชิดกับแบรนด์มากยิ่งขึ้น เช่น Kim-MakeWebEasy

 

4 หัวข้ออีเมล Subject line

Subject line หรือหัวข้ออีเมล สำหรับผมแล้ว จะให้ความสำคัญกับส่วนนี้เป็นอย่างมาก เพราะมันคือตัวกำหนดชะตาชีวิต Email Marketing ของเรา เป็นส่วนที่ช่วยดึงดูดความสนใจของผู้รับ คนจะคลิกเข้ามาดูอีเมลของเราหรือไม่.. อยู่ที่ Subject line

การเขียนหัวข้ออีเมลให้น่าสนใจนั้น จะใช้เทคนิคแบบเดียวกับการตั้งชื่อบทความ เราสามารถใช้เทคนิคเหล่านี้เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้รับได้ อย่างเช่น การใช้ตัวเลข, การตั้งคำถาม, เปิดเรื่องด้วยปัญหา หรือคำที่ดึงดูดเช่น สุดยอด! ที่สุด! เคล็ดลับ ต้องรู้!

ตัวอย่างการตั้งชื่อหัวข้อ

  • ขายของออนไลน์ต้องรู้! 5 เทคนิค เรียกลูกค้าเข้าเว็บไซต์
  • Google Analytics คืออะไร? สุดยอดเครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์ ที่คุณไม่ควรพลาด
  • 5 เทคนิค ทำโฆษณา Google Ads ด้วยต้นทุน “นิดเดียว”

แต่การตั้งชื่อหัวข้ออีเมลจำนวนตัวอักษรที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 40 – 60 ตัวอักษร

 

5 หัวข้อรอง Pre-header

เป็นเหมือนคำอธิบายเพิ่มเติมของหัวข้อ หากหัวข้อที่เรามีสั้นเกินไป คำอธิบายเพิ่มเติมจะช่วยให้ผู้รับอีเมลเข้าใจหัวข้ออีเมลมากขึ้น แต่ถ้าหากเราตั้งหัวข้อยาว ส่วนที่เป็นคำอธิบายก็จะถูกดันออกไปและทำให้มองเห็นได้ยาก

ชื่อผู้ส่ง หัวข้ออีเมล และหัวข้อรอง สำหรับ Email Marketing

 

6 ใส่ชื่อของผู้รับอีเมล

สร้างความรู้สึกพิเศษกับผู้รับอีเมลด้วยการใส่ชื่อผู้รับลงในเนื้อหาอีเมลด้วย เป็นการแสดงให้เห็นว่า อีเมลนี้ส่งมาให้กับเขาโดยเฉพาะ

ใส่ชื่อผู้รับใน Email Marketing

 

7 ภาพประกอบ

ไม่ว่าเป้าหมายในการทำ Email Marketing ของคุณคืออะไร สิ่งจะช่วยดึงดูดความสนใจของผู้ได้ดีคือภาพประกอบเนื้อหาอีเมล ต้องสื่อสาร และตอบโจทย์ผู้รับ ภาพประกอบที่ใช้ไม่ควรมีข้อความมากจนเกินไป ควรแบ่ง Section เนื้อหาในอีเมลให้ชัดเจน เพื่อรองรับการเปิดอีเมลบนมือถือด้วย

8 Call to action

นอกจากภาพประกอบเนื้อหาแล้ว หากคุณต้องการให้ผู้รับอีเมลมีแอคชั่นกับอีเมลของคุณไม่ว่าจะเป็นการคลิกซื้อของ, อ่านบทความ หรือเข้ามาชมสินค้าอื่นๆ ในเว็บไซต์ สิ่งที่คุณต้องมีในอีเมลก็คือ Call to action

คุณสามารถใส่ลิงก์ได้ทั้งในภาพ และ Call to action พร้อมกันได้ เพื่อเพิ่มผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น

Email Marketing ภาพประกอบ และ Call to action

 

9 ช่องทางการติดต่อ

สิ่งที่ Email Marketing จะขาดไปไม่ได้เลยคือ ช่องทางการติดต่อ เพื่อให้ผู้รับอีเมลสามารถเข้าถึงธุรกิจของคุณได้เราควรใส่ข้อมูลช่องทางการติดต่อให้ครบถ้วนชัดเจน ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, เว็บไซต์ และ Social media

 

10 ปุ่ม Unsubscibe

เพื่อให้ผู้รับสามารถยกเลิกการรับอีเมลจากเราได้ตามที่เขาต้องการ ใน Email Marketing ของคุณควรมีปุ่ม Unsubscribe

หากเราไม่ใส่ปุ่ม Unsubscribe ก็จะเป็นการสร้างความรำคาญให้กับผู้รับ อาจลามไปจนถึงทำให้แบรนด์ถูกมองในแง่ลบ และเลือกที่จะไม่ใช้บริการอีกต่อไปได้ ที่ร้ายแรงที่สุด หากผู้รับอีเมลทำการแจ้งสแปมเป็นจำนวนมาก ระบบส่งอีเมล โดเมน และ IP ของคุณก็อาจจะถูกมองว่าเป็นสแปมได้ 

แต่ในปัจจุบันผู้ให้บริการ Email Marketing ส่วนใหญ่จะบังคับให้เราใส่ปุ่ม Unsubscribe ทุกครั้งแล้ว

Email Marketing ส่วนของ Footer ที่มี Contact และปุ่มกด Unsubscribe

 

11 Mobile Friendly

ผลสำรวจจาก Hubspot พบว่า มีคนเปิดอีเมลบนมือถือมากถึง 46%

เพื่อให้ผู้รับสามารถเปิดอ่านอีเมลของเราได้ทุกที่ทุกเวลา การออกแบบ Email Marketing ให้รองรับมือถือจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก นอกจากจะสวยงามบนจอคอมพิวเตอร์แล้ว ต้องทำงานได้ดีบนมือถือด้วย

Email Marketing บนหน้าจอมือถือ

 

12 ทดสอบ ทดสอบ และทดสอบ

เผื่อให้เราได้ Email Marketing ที่ดีที่สุด คุณควรทดสอบเพื่อหาข้อผิดพลาดต่างๆ ทั้งบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ และหน้าจอมือถือ

การเปิดอีเมลบนมือถือแต่ละรุ่น แต่ละขนาดหน้าจอ ก็อาจทำให้เราให้อีเมลของเรานั้นผิดเพี้ยนไปจากเดิมได้ การทดสอบจึงเป็นสิ่งสำคัญ

อีกหนึ่งการทดสอบที่น่าสนใจคือ การทำ A/B Testing เพื่อหาว่า Email Marketing แบบไหนที่คนจะให้ความสนใจมากกว่ากัน คุณอาจลองทดสอบ โดยการเปลี่ยน หัวข้อ, เนื้อหา, ภาพประกอบ หรือ Call to action ให้แตกต่างกันไป เพื่อหาแนวทางในการทำ Email Marketing ที่ตอบโจทย์ลูกค้าของคุณมากที่สุด

แม้ว่า Email Marketing จะไม่ใช่เครื่องมือ หรือช่องทางที่คนนิยมใช้กัน แต่ก็เป็นเครื่องมือที่สามารถสร้าง Lead. จากลูกค้าเก่าได้ดีมากๆ สำหรับผมแล้วมันเป็นเครื่องมือที่จะมองข้ามไปไม่ได้เลย

หากใครสนใจ สามารถดูรายละเอียดแพ็กเกจ Email Marketing ได้เลยครับ 🙂