4 แนวทางที่จะช่วย โฆษณาบน Google ของคุณได้ผลสูงสุด
หากคุณกำลังศึกษา หรือกำลังเริ่มต้นทำ โฆษณาบน Google อยู่ แต่ยังไม่รู้ว่าแนวทางทำให้ Google Ads นั้นได้ผลมากที่สุด (หรือให้มีคนคลิกเยอะๆ) ควรทำอย่างไร ถูกต้องแล้วครับที่คุณคลิกเข้ามาอ่านหาคำตอบในบทความนี้ เพราะผมจะนำเสนอ 4 แนวทาง ซึ่งอ้างอิงจากบริษัท Google เอง เพื่อตอบคำถามของคุณโดยเฉพาะนะครับ
ก่อนเริ่ม เราต้องเข้าใจก่อนว่า โฆษณาบน Google (Google Ads) มี 5 ประเภทด้วยกัน มีได้แก่
- Google Search Ads
- App Ads
- Google Display Network (GDN)
- Google Shopping Ads
- YouTube Ads
และถ้าอยากรู้แต่ละประเภทมันมีหน้าตาอย่างไร คลิกอ่านบทความ Google Ads คือ อะไร? สรุปใจความง่ายๆ เข้าใจได้ในบทความเดียว! หรือชมวีดีโอ Make it Easy EP.9 : มาเช็คกัน! โฆษณา Google Ads แบบไหน เหมาะกับคุณมากที่สุด ของเราได้เลยก่อนที่เราจะไปดูทั้ง 4 แนวทางของเราให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งกันนะครับผม
เข้าใจโฆษณาทั้ง 5 ประเภทของ โฆษณาบน Google (Google Ads) แล้วใช่ไหมครับ ฉะนั้นเราเริ่มดูแนวทางที่ 1 กันได้เลยครับผม
1. กำหนด CTA (call-to-action) ให้ชัดเจนตรงกับเป้าหมายของแคมเปญ
ถ้า CTA ในโฆษณาของเราไม่ชัดเจน คนก็ไม่เข้าใจหรอกว่าเรากำลังเสนออะไรให้กับเขา แล้วเขาต้องทำอย่างไรกับสิ่งที่เรานำเสนอนั้น เพราะฉะนั้นเราต้องทำให้ CTA ในแคมเปญโฆษณาของเรามีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ audience เราสนใจ และกำลังค้นหา เพื่อดึงดูดเขาให้คลิกโฆษณาของเราให้ได้
ตัวอย่างของ CTA ที่ดี และชัดเจน ได้แก่ ทดลองใช้ฟรี (Try It Free) ดูข้อมูลเพิ่มเติม (Learn More) ช้อปกับส่วนลด 25% สำหรับทุกเคสมือถือไอโฟน (25% OFF for Every iPhone Case) เป็นต้น
นอกจาก CTA เป็น message ที่เราเขียนใน headline และ description เพื่อให้คนคลิก ads ของเราแล้ว เราก็ยังต้องคิดถึงอีก 4 เรื่องเกี่ยวกับ headline และ description ด้านล่างนี้ด้วยครับ
- การทำให้เป็นส่วนตัว (Personalization) – Google แนะนำให้เราใช้ภาษาพูดที่ให้คนอ่านรู้ว่าเรากำลังสื่อสารกับเขาโดยตรง และอย่างจริงใจ เช่นการใช้คำว่า “คุณ” ในข้อความ เนื่องจากมันจะให้ผลลัพธ์ดีกว่าข้อความที่เป็น not-personalized นั้นเองครับ
- ข้อมูลสำคัญ (Product Information Highlight) – เป็นการระบุข้อมูลสั้นๆ ที่สำคัญของสินค้า และที่เกี่ยวข้องกับสินค้า เช่น การขนส่ง เป็นต้น
- ข้อเสนอ (Offers) – การมีโปรโมชั่นเขียนใน headline จะดีกว่า headline ที่ไม่มีโปรโมชั่นกว่า 38%
- การให้ข้อมูลเพิ่มเติม (Extension) – เป็นการใส่ assets (ได้แก้ ปุ่มโทร ที่อยู่ ลิงค์ รูป วีดีโอ headline หรือ description เป็นต้น) เพิ่มตามการแนะนำของ Google หรือ assets ที่เกี่ยวข้องกับห้วข้อโฆษณาของเรา (เรียนรู้เพิ่มเติม) ซึ่งจะเป็นข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับลูกค้า และเพิ่มประสิทธิภาพที่คนจะคลิกข้อความโฆษณาของเราด้วย
และนี่เป็นแนวที่ 1 ที่เราจะปรับ CTA โฆษณาของเราให้ชัดเจน โดนใจคน มีคนคลิก และบรรลุเป้าหมายของแคมเปญเราในที่สุด
2. ใส่ assets ที่มีหลากหลายรูปแบบเพื่อเข้าถึง target อย่างมีประสิทธิภาพ
อีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยเราทำ โฆษณาบน Google ให้ได้ผลมากที่สุด คือการใส่ assets ที่มีหลากหลายรูปแบบ เนื่องจาก Google Search จะทำการแสดง assets ที่เหมาะ และเฉพาะกับคำค้นหาของ audience ซึ่งมันจะเพิ่มประสิทธิภาพของการมองเห็นสำหรับโฆษณาที่เราได้ลงไป
นอกจากนี้ เราก็ต้องให้ assets ของเรามีความเฉพาะเจาะจง และอยู่ในมวดหมู่โฆษณา (Ad Groups) ที่เหมาะสมตอนที่เราสร้างแคมเปญด้วยครับ เพื่อให้ระบบแสดงโฆษณาของเราได้ถูกต้องตามคำค้นหาของ audience
เพราะฉะนั้น ข้อแนะนำจาก Google ในการทำ assets ที่เป็น ข้อความ (Text) รูปภาพ (Image) และวีดีโอให้มีประสิทธิภาพมีได้แก่
- ข้อความ (Text)
ใส่ headline และ description ที่ไม่ซ้ำกัน (ทั้งคำ และความหมาย) แต่หลากหลาย และเกี่ยวข้องกัน เพื่อให้ระบบสามารถเลือก และแสดงโฆษณาของเราให้กับคำค้นหาที่เกี่ยวข้องจาก audience
ข้อความภาษาอังกฤษที่มีตัวอักษรแรกของทุกคำเขียนเป็นตัวใหญ่ (Title Case) จะให้ผลดีกว่าข้อความที่มีตัวอักษรเขียนเป็นตัวเล็กทั้งหมด (sentence case) กว่า 27%
- รูปภาพ (Image)
ใช้รูปภาพที่หลากหลาย มีความแตกต่างกัน และสื่อถึง audience ของเรา เพื่อช่วยให้ CTA ของเรามีคนคลิกมากขึ้น
ภาพที่มีคนใช้สินค้าในชีวิตจริงจะให้ผลดีกว่าภาพสินค้าที่ไม่มีคนประกอบ 30%
แล้วในเวลาเดียวกัน ภาพที่แสดงถึงความหลากหลายทางชาติพันธ์ุ จะมีคนสนใจ และอยากสนับสนุนกว่าภาพที่ไม่แสดงมากถึง 64%
- วีดีโอ
ทำการเปรียบเทียบ CTA และ headline หลายตัวด้วยกันก่อนเลือกลงวีดีโอโฆษณาตัวสุดท้าย เพื่อสร้างวีดีโอโฆษณาที่ดีที่สุด หรือเพิ่ม asset ที่เป็น sitelink เข้าไปในวีดีโอโฆษณาของเรา เพื่อความง่ายในการคลิก และความสะดวกในการช้อปปิ้งของ audience มากยิ่งขึ้น
3. ใส่รูป และวีดีโอให้เข้ากับหน้าจอมือถือ
เนื่องจากมีคนใช้งานบนมือถือมากยิ่งขึ้น ทำให้ Google แนะนำให้เราทำรูป และวีดีโอที่เข้ากับคนใช้มือถือ พร้อมทั้งดึงดูดความสนใจของเขาเมื่อเขาเห็นโฆษณาในวินาทีแรกๆ ให้ได้ด้วยครับ
เพราะฉะนั้นมาดูรายละเอียดกันเลยครับ
- ใช้รูป และวีดีโอที่มีคน หรือวัตถุกับแสงสวางธรรมชาติ และมองเห็นได้อย่างชัดเจน เพื่อให้ audience รับรู้ความเชื่อมโยงของภาพกับ CTA ในมือถือได้อย่างง่ายทันที
- ใช้ภาพที่มีความละเอียดสูง โดยอย่างน้อยต้องมีความกว้าง 1200 พิกเซล
- หลีกเหลี่ยงการใช้เอฟเฟคเบลอ บิดเบี้ยว หรือใช้เอฟเฟคมากเกินไป และถ้าอยากใส่โลโก ข้อความ ซ้อนทับรูปภาพ ต้องปรับให้มันไม่เกิน 20% ของรูป
- ใช้รูปที่ไม่มีข้อความซ้อนทับ หรือมีข้อความซ้อนทับแต่มีไม่เกิน 20 ตัวอักษรอักขร (characters) ให้ผลที่ดีกว่าแคมเปญที่มีข้อความซ้อนทับยาว
- สำหรับวีดีโอ เราต้องปรับกราฟฟิก หรือข้อความที่ซ้อนทับให้มีขนาดใหญ่ และอยู่ตำแหน่งที่สามารถมองเห็นชัดเจน นอกจากนี้ก็ต้องเพิ่มแสง และคอนทราสท์เพื่อให้วีดีโอโฆษณาของเรามองเห็นง่าย และชัดเจนในจอเล็กของมือถือ
4. ให้เวลาโฆษณาทำการทดสอบ
แนวทางสุดท้าย Google แนะนำให้เราทำคือ การให้เวลากับระบบ Google Ads ทำการทดสอบ และรายงานให้เรารู้ว่าประสิทธิภาพแคมเปญของเราเป็นอย่างไร และเข้าใจว่า assets ใดบ้างที่มีผลกระทบมากที่สุดต่อลูกค้าของเราด้วยฟิเจอร์ Ad Strength และ Asset reporting
สำหรับแนวทางนี้ Google ยังได้แนะนำให้เราใช้ฟิเจอร์ ร่าง (Draft) และการทดลอง (Experiment) ตอนสร้างแคมเปญโฆษณาด้วย เพื่อทำการทดสอบ และเปรียบเทียบโฆษณาของเรา สำหรับข้อมูลที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นให้ได้ผลมากที่สุดนั้นเองครับ
ซึ่งนี่เป็นแนวทางที่สำคัญมากเลย เพราะมันทำให้เรารู้ว่าผลโฆษณาของเราดีหรือไม่ดี และควรปรับปรุงอย่างไรบ้าง
ดังนั้นประเด็นหลักๆ ที่เราต้องให้ความสนใจมีได้แก่
- ให้เวลาแคมเปญใหม่ที่เราเพิ่งลงไปอย่างน้อย 3 สัปดาห์ เพื่อให้ระบบทำการเรียนรู้ว่า assets ไหนบ้างที่ทำงานได้ดี และเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์ได้มากยิ่งขึ้น
- ทำการเปลี่ยน assets ที่ติดระดับ “poor”
- ค่อยๆ ทำการอัปเดต assets เพื่อลดการผันพวนของการทำงาน
- ก่อนที่จะเอา asset ไหนออก ให้มีการเตรียม asset ใหม่ที่จะลงมาแทนให้เรียบร้อย
หลังจากนั้น เมื่อมีการเพิ่ม หรือลบ asset จากแคมเปญที่กำลังลงใน Google อยู่ เราต้องให้เวลาระบบ 2 ถึง 3 สัปดาห์ในการทำการปรับปรุง และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับแคมเปญของเรา
ส่วนเคล็ดลับที่เราควรจำไว้เสมอตอนทำการเปลี่ยนแปลงคือ
- พยายามรักษามวดหมู่โฆษณา (Ad Groups) ภายในหัวข้อ (theme) ที่ชัดเจน ไม่ว่าแต่ละ asset สร้างขึ้นในหลายรูปแบบ เราก็ต้องทำให้มันเกี่ยวข้องกัน และสนับสนุน CTA ของเราอย่างมีประสิทธิภาพ
- หลีกเลี่ยงการใส่ headlines ที่ซ้ำกันกับข้อความใน description และการใช้รูป หรือวีดีโอที่ไม่เกี่ยวข้องกับ CTA ของเรา
เป็นไงบ้างครับกับ 4 แนวทางที่พี่ Google แนะนำมา อ่านแล้วลองเอาไปใช้กับโฆษณาแคมเปญที่คุณกำลังทำอยู่ หรือวางแผนที่จะทำบน products ต่างๆ ของ Google ดูนะครับว่ามันได้ผลสูงสุดจริงไหม และก็ค่อยๆ ทำที่ละสเต็ปนะครับ