ฟื้นชีวิตธุรกิจใกล้เจ๊ง ด้วยเว็บไซต์
Marketing, Website, Online Marketing, ไม่มีหมวดหมู่
Marketing, Website, Online Marketing, ไม่มีหมวดหมู่

5 วิธี ฟื้นธุรกิจใกล้เจ๊ง!! ด้วยการทำเว็บไซต์ (ฉบับเร่งรัด)

อยากอยู่รอดบนโลกออนไลน์ ต้องมีเว็บไซต์

เมื่อ Online เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้
แต่ความน่าเชื่อถือ “เป็นสิ่งแรก” ที่คนใช้พิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อ / ใช้บริการ

 

การทำเว็บไซต์ ถือเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยยืนยันความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจยุค Digital
ในช่วงที่เศรษฐกิจดูซบเซา กลุ่มธุรกิจใดบ้างที่จะได้รับผลกระทบนี้โดยตรง
1. ธุุรกิจท่องเที่ยว
2. ธุรกิจร้านอาหาร
3. กลุ่มอาชีพอิสระ
4. ธุรกิจความสวยความงาม
5. ธุรกิจ Organizer

 

ซึ่งไม่ใช่แค่ธุรกิจกลุ่มนี้เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แม้แต่กลุ่มกิจการขนาดใหญ่เองก็ต่างโดนกันไปด้วย ดังนั้น ใครที่มีการเตรียมพร้อมก่อน เริ่มสร้างพื้นที่ให้ธุรกิจบนโลกออนไลน์ได้ก่อน ก็สามารถปรับตัวให้พร้อมกอบโกยโอกาสทำเงินได้เร็วกว่า แต่สำหรับธุรกิจ ที่ยังฟื้นเองไม่ได้ ทำเว็บไซต์ไม่เป็น หรือไม่รู้วิธีการเข้ามาสู่พื้นที่การตลาดออนไลน์ล่ะ จะทำยังไง ???

มาค้นพบวิธี “การทำเว็บไซต์ ให้คนควักเงินจ่ายแบบไม่คิด” แต่ใช้ต้นทุนน้อยมากๆ กันเลย

 

1. สร้างความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจด้วยการทำเว็บไซต์ ก่อนเสียเงินยิงโฆษณา

อย่าพึ่งลงงบทั้งหมดที่มีไปกับการทำโฆษณาเพื่อโปรโมท

เพราะหากลูกค้ายังไม่ได้รู้สึก “เชื่อถือ” ในธุรกิจของคุณ ต่อให้สามารถยิงโฆษณา เข้าถึงกลุ่มคนได้เยอะมากแค่ไหน ก็ยากที่จะปิดการขายได้

ฉะนั้น ธุรกิจต้องใส่ทุกความเชี่ยวชาญทั้งหมดที่มีลงไปบนเว็บไซต์ ซึ่งข้อดีของการทำเว็บเพจคือ ไร้ข้อจำกัดในเรื่องจำนวนข้อความ! อีกทั้งยังสามารถออกแบบเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับจุดประสงค์ในการทำธุรกิจของคุณได้ด้วยตนเอง ซึ่งแตกต่างจากจาก Social Media แพลทฟอร์มต่างๆ ที่จำกัดทุกประเด็นสำคัญของธุรกิจด้วยจำนวนตัวอักษร และตำแหน่งการจัดวางข้อมูล

 

ยกตัวอย่างเช่น

หากธุรกิจต้องการโพสบทความเพื่อให้ความรู้สัก 1 บทความลง Facebook แต่ในขณะเดียวกันก็อยากจะสอดแทรกสินค้าภายในร้านตนเองเข้าไปด้วยเพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย โดยการสร้างแถบด้านข้างขึ้นมาคอยเลื่อนตามทุกครั้งที่มีการเลื่อนเม้าส์อ่านบทความ ซึ่งแน่นอนว่า หากธุรกิจเลือกโพสผ่าน Facebook จะไม่มีทางทำได้แน่ แต่ในขณะที่เว็บไซต์ ธุรกิจสามารถใส่แคตตาล็อคสินค้าขายดีขึ้นไว้ด้านบนสุดของหน้าเพจ วางรายละเอียดสินค้าไว้ด้านล่าง หรืออยากจะเพิ่มแถบด้านข้างสำหรับแนะนำหมวดหมู่สินค้าที่เกี่ยวข้อง ก็สามารถทำได้เลย แล้วแต่ไอเดียการจัดวางของแต่ละคน

“ทีนี้ หากคุณเป็นคนที่เห็นโอกาสมากกว่า”

ก็จะสามารถจัดสรรพื้นที่ได้มีประสิทธิภาพมากกว่า แล้วก็เพิ่มยอดขายได้มากกว่า เป็นต้น

MakeWebEasy Tips

เว็บไซต์ถือเป็นประตูด่านแรก เมื่อถูกเสิร์ชเข้ามา หาก First Impression ต่อภาพลักษณ์เว็บไซต์ไม่ดีแล้ว ก็ยากที่จะกู้ความเชื่อมั่นจากลูกค้ากลับคืนมา ดังนั้น ธุรกิจจึงต้องใส่ใจในการออกแบบให้หยุดสายตาให้ได้ หรือหากคุณคิดว่าการทำเว็บไซต์นั้นมันห่างไกลกับความสามารถที่คุณมีเหลือเกิน ก็สามารถลองเข้าไปดูแนวทางการออกแบบหรือดาวน์โหลด Template เว็บสวย ๆ (ได้ฟรี!!!) จาก MakeWebEasyของเราไปใช้การทำเว็บไซต์ได้ด้วยตนเอง ได้ที่ลิงก์นี้ได้เลยค่ะ คลิก

2. ใช้เว็บไซต์จองทำเลทองบน Google ด้วยการทำ SEO


” 85,000 ครั้ง/วินาที คือจำนวนการค้นหาข้อมูลด้วย Google “

คุณเห็นโอกาสจากตัวเลขด้านบนนี้ไหม?

จะเป็นอย่างไร หากคุณสามารถตั้งหน้าร้านบนทำเลทองที่ว่า ด้วยการทำให้หน้าเว็บไซต์ของธุรกิจติดหน้าแรกและเป็นอันดับต้นๆ บน Google โดยไม่ต้องเสียเงินสักบาท!! ได้ด้วยตนเอง

วิธีการที่ว่านั้นหรือที่เราเรียกกันบ่อยๆ ว่า “การทำ SEO” นั่นเอง

 

วิธีการทำ

ธุรกิจต้องหา Keyword ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในบทความที่คุณกำลังจะสร้างขึ้น จากนั้นทำการกระจาย Keyword  ลงไปในส่วนของ Title, Description, Landing Page ในปริมาณที่เหมาะสม (เฉลี่ยอยู่ที่ 3-6 ครั้ง/คำ) ซึ่งนี้เป็นเพียง 1 ในวิธีง่ายๆ ที่คุณ (ผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการตลาดออนไลน์มาก่อนเลย) สามารถทำได้ด้วยตัวเองเลย แบบไม่ต้องจ้างใคร

ส่วนเทคนิคอื่นๆ ที่ Advance มากกว่านี้ ก็ค่อยๆ ศึกษาเอาทีหลังได้ รับรองเลยว่า ในช่วง 6 เดือน – 1 ปี หลังจากนี้ หน้าเว็บไซต์ของคุณจะปรากฎบนหน้าแรกของ Google อย่างแน่นอน (โดยที่คุณไม่ต้องเสียเงินเลยแม้แต่บาทเดียว!!!)

 

MakeWebEasy Tips
สำหรับเจ้าของกิจการคนไหนกำลังไม่สนใจการทำเว็บไซต์แล้วมุ่งแต่โพสลง Social Media ด้วยแคปชั่นแสนยืดยาว เพราะหวังจะติด SEO กับเขาบ้าง แอดมินอยากขออนุญาติ หยิบยกตัวอย่างขึ้นมาให้เห็นภาพกันชัดๆ กันไปเลยว่าทำไม “การทำ SEO บนเว็บไซต์ ถึงทำงานได้ดีกว่าการลงคอนเทนต์ใน Social Media”

ยกตัวอย่างเช่น

ธุรกิจร้านอาหารเหมือนกัน ใช้คีย์เวิร์ด “ร้านอาหารซีฟู๊ดพร้อมส่ง” เหมือนกัน แต่ร้าน A เลือกช่องทางเผยแพร่คอนเทนต์ไปที่ Facebook ในขณะที่ร้าน B เลือกช่องทางการเผยแพร่คอนเทนต์ไปที่เว็บไซต์ จะเห็นว่าพื้นที่ในการใส่คีย์เวิร์ดใน Facebook มีเพียงช่องเขียนแคปชั่นเพียง 1 จุด แต่เว็บไซต์มีพื้นที่ในการใส่คีย์เวิร์ดสูงถึง 3 จุดใหญ่ๆ นั้นคือ Title (ส่วนหัวเรื่อง) Meta Description (ส่วนอธิบายโดยย่อ) Landing Page (ส่วนเนื้อหาภายในหน้าเว็บไซต์)

พอเห็นภาพไหมคะ ว่า Google จะเลือกหยิบคอนเทนต์จากแพลทฟอร์มไหนมาขึ้นแสดงเป็นอันดับแรกเหมือมีการเสิร์ชด้วยคีย์เวิร์ด “ร้านอาหารซีฟู๊ดพร้อมส่ง”

 

 

3. ใช้เว็บไซต์ คว้าทุกโอกาสเก็บข้อมูล Lead ไม่ปล่อยพลาดไปแม้แต่รายเดียว!

เมื่อ Lead / ผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นว่าที่ลูกค้าเริ่มสนใจธุรกิจของคุณ พวกเขาจะทำการค้นหารีวิวจากทุกช่องทาง โดยเฉพาะ Google !!

ดังนั้น ทันทีที่ Lead ได้ก้าวเข้ามาใน Website ของคุณ เว็บไซต์จะทำการเก็บข้อมูลผู้คนเข้าชม / Web Traffic ของทุกคน ไม่มีตกหล่น ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อพวกเขาเข้ามาแล้ว นั้นหมายความว่าคนกลุ่มนี้ต้องมีความสนใจสินค้าของคุณในระดับนึง ฉะนั้น ธุรกิจจะสามารถนำข้อมูลส่วนนี้ไปใช้สำหรับ Remarketing ด้วยการยิงแอดไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายนี้ แน่นอนว่าเมื่อยิงหาคนที่มีความต้องการจริงๆ นอกจากเซลล์จะปิดการขายได้ง่ายขึ้น ยังช่วยให้ค่าโฆษณาถูกลงอีกด้วย

MakeWebEasy Tips

Web Traffic เยอะ =  เพิ่มช่องทางหาเงินให้ธุรกิจ
หากคุณสามารถเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้เยอะ ธุรกิจสามารถใช้โอกาสส่วนนี้ แปลงเว็บไซต์ให้เป็นพื้นที่สำหรับให้เช่าลงโฆษณาจากแบรนด์อื่นๆ หรือจะเลือกไปเข้าร่วมกับ Google Essent เพื่อเพิ่มช่องทางหารายได้จาก Google ให้แก่ธุรกิจ

4. อย่าทำการตลาดออนไลน์บน Social Media เพียงช่องทางเดียว

หลายคนโดนปิดเพจ Facebook ไปจำนวนมาก เหตุผลเพราะเผลอไปทำอะไรที่ละเมิดข้อตกลง Facebook เข้า จึงโดนพี่มาร์คจัดหนักแบนเพจไปสะเลย

ทั้งๆ ที่กว่าจะสร้างเพจขึ้นมาได้ ต้องลงทุนทั้งเงินและเวลาเป็นจำนวนมาก

บางคนใช้เวลาปั้นเพจมาตลอด 1 ปี ทั้งเข้าคอร์สเพื่อเพิ่มความรู้ด้าน Digital Marketing หรือคอร์สการทำการตลาดออนไลน์ต่างๆ จนเพจสามารถสร้างผู้ติดตามได้เป็นแสนคน แต่กลับถูกแบนหายไปในคืนเดียว
เพียงเพราะจำกฏบางข้อไม่ได้ แล้วเผลอไปละเมิดแบบไม่ได้ตั้งใจ

หรือ ในวันที่ค่าโฆษณา Facebook.. แพงขึ้น ! แต่ในขณะที่ฝั่ง Google ค่าแอดตัวนึงบางที ไม่ถึง 5.54 บาท หรือหากทำ SEO ติดหน้าแรกได้ ธุรกิจก็ไม่ต้องเสียเงินสักบาท แถมอยู่ได้อย่างยั่งยืน ในระยะยาวนานกว่าด้วยซ้ำ

 

ดังนั้น

ในช่วงที่ต้องการฟื้นฟูธุรกิจ จำเป็นต้องตัดทุกช่องทางเสี่ยงออกไป
เราไม่ได้บอกให้คุณเลิกใช้ Social Media แต่เราแนะนำให้คุณดึงประโยชน์ของช่องทางต่างๆ เอาออกมาใช้ให้เต็มประสิทธิภาพถึงขีดสุด โดยทำเว็บเพจเป็นตัวคอยต้อนรับทุกการ Search เข้ามา แล้วให้ Facebook เป็นตัวล่อดึงคนที่สนใจเข้ามายังเว็บไซต์

 

5. ทำเว็บเพจให้เป็นแหล่งรวมทุกคำตอบให้ลูกค้าบริการได้ด้วยตัวเอง

การมีข้อมูล / ชุดคำตอบ ที่ครบถ้วนบนเว็บไซต์ 

ช่วยลดเวลาการตอบคำถามเดิมๆ ให้เจ้าหน้าที่ได้ถึง 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว ดังนั้นเจ้าหน้าที่ของเรา จึงมีเวลาในการจัดการปัญหาที่มีความซับซ้อนมากกว่า ช่วยเพิ่มความพึงพอใจในผู้บริโภคได้มากขึ้น

อีกที้งยังช่วยลดจำนวนการตอบ Email สูงถึง 57% อีกด้วย

– อ้างอิงข้อมูลจาก Zendesk

 

นอกจากการมีเว็บสวย ๆ แล้ว การมีข้อมูลที่ละเอียดครบถ้วน สามารถช่วยลดเวลาการ Support ลูกค้าลงได้ เช่น ปัญหาการตอบคำถามเดิมๆ ให้กับลูกค้าหน้าใหม่, การต้องส่งไฟล์วิธีการใช้งานผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้ารายบุคคล เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ หากธุรกิจสามารถลงข้อมูลทุกอย่างลงไปในเว็บไซต์อย่างละเอียดแล้ว ปัญหาการต้องมานั่งทำงานซ้ำซากก็จะลดลง ช่วยให้ธุรกิจมีเวลาไปพัฒนางานในส่วนอื่นได้ต่อไป

บทสรุป

อ่านจนจบแล้ว อย่าลืมรีบไปสำรวจเว็บไซต์ของตัวเอง เพื่อเตรียมพร้อมรับโอกาสกรอบโกยกำไรในโลกออนไลน์กันนะคะ แต่สำหรับใครที่กลัวจะทำเว็บไซต์ให้สวยเป๊ะ เสร็จไว ทันใช้ก่อนกระแสโลกเปลี่ยน MakeWebEasy ก็ขออนุญาตแบกรับทุกความกังวลใจเรื่องสร้างเว็บไซต์ของคุณทั้งหมดเอง !!! คลิก