เทคนิคการทำเว็บไซต์
เทคนิคการทำเว็บไซต์

บอกเคล็ดลับสร้าง Traffic เข้าเว็บไซต์สำหรับคนทำเว็บมือใหม่!

ถ้ามีเว็บไซต์แต่ไม่มีคนเข้าชม ก็เหมือนมีบ้านสวยๆ แต่ถูกทิ้ง และไม่มีใครสนใจ!

“ผู้ชม” นับเป็นองค์ประกอบสำคัญที่เจ้าของเว็บควรให้ความสนใจเป็นอันดับแรกๆ เพราะจำนวนของผู้เข้าชม หรือที่เรียกว่า Traffic จะเป็นสิ่งที่มีผลโดยตรงต่ออันดับ SEO บน Google เพราะถ้าหากเว็บไซต์ไหนมีผู้เข้าชมเยอะก็ถือเป็นการวัดผลอย่างหนึ่งว่าเว็บไซต์นี้มี Content หรือเนื้อหาภายในเว็บไซต์ดีมาก คนถึงชอบเข้ามา

แต่ถ้าเจ้าของเว็บคนไหนที่รู้สึกว่า เว็บไซต์เราก็สวยดีนะ content ก็มี แต่ทำไมยังไม่มีคนเข้ามาดูบ้างเลย….ไม่ต้องกังวลไป วันนี้เราจะมาแนะนำเคล็ดลับในการสร้าง Traffic ให้กับเว็บไซต์ของคุณกัน จะต้องทำยังไงบ้าง ไปดูกันเลย!

 

email marketing

ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจไหนก็ตาม การสร้าง Traffic เข้าเว็บไซต์ที่ควรมีก็คือ การอัปเดตข้อมูลข่าวสาร ของสินค้า หรือบริการของเราให้กับลูกค้าบ้าง ผ่านทาง email marketing ซึ่งเนื้อหาภายในอีเมลฉบับนั้นควรมีลิงก์กลับมายังเว็บไซต์เพื่อให้ผู้ที่สนใจกลับเข้ามาเยี่ยมชมอีกรอบ และเป็นการย้ำเตือนลูกค้าด้วยว่า “เฮ้ เรายังอยู่นี่นะ”

 

SEO

ที่สุดแห่งการสร้าง Traffic เข้าเว็บไซต์แบบ organic หรือวิธีการแบบธรรมชาติสุดๆ และที่สำคัญทำได้ฟรีๆ อีกด้วย! แต่วิธีการทำ SEO จำเป็นจะต้องใช้ความอดทน และความพยายามมากพอสมควร เพราะผู้ทำจะต้องทยอยอัปเดต content ให้มีความทันสมัยตลอด อีกทั้งยังมีเรื่องของการตั้ง Title และ Description ด้วยคีย์เวิร์ดต่างๆ รวมไปถึงการแทรกคีย์เวิร์ดลงใน content ด้วย ซึ่งถ้าใครที่เพิ่งเริ่มต้น หรือไม่เข้าใจก็จะรู้สึกว่า SEO เป็นวิธีการที่ยุ่งยากมากๆ แต่เรารับรองได้ว่าผลลัพธ์ที่ได้จาก SEO คุ้มค่าสมกับที่ลงทุนลงแรงทำไปอย่างแน่นอน

 

ใช้ Social Media ให้เป็นประโยชน์

ในยุคนี้คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก Social Media กันแล้ว และผู้คนส่วนใหญ่ก็มีตัวตนบนโลกออนไลน์กันแทบทั้งสิ้น ดังนั้นการหา Traffic เข้าเว็บไซต์จากโซเชียลก็ไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าหากคุณมี content เด็ดๆ โดนๆ ที่ลงในเว็บไซต์ไปแล้ว ก็ให้เอา content นั้นมาแปะลิงก์ใน Social ของตนเอง เพื่อดึงคนกลับเข้าไปยังเว็บไซต์ของคุณ แต่คนดูจะน้อยจะมากอันนี้อยู่ที่ content ว่าตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายหรือไม่

 

ต้องมี Blog ในเว็บไซต์

หน้าเพจของ Blog ในเว็บไซต์จะเป็นศูนย์รวม content ที่ผู้ใช้จะเข้ามาหาข้อมูลที่ต้องการมากที่สุด ซึ่งการมีหน้าเพจ Blog ไว้ในเว็บไซต์ก็ส่งผลดีต่อลำดับ SEO ด้วย แต่คุณต้องขยันอัปเดตเนื้อหาให้มีความทันสมัยตลอดเวลา และถ้าหากทำ content ที่ไม่มีวันตายได้ เช่น พวก How to หรือบทความให้ความรู้ ฯลฯ ที่ไม่ต้องอิงตามกระแสต่างๆ ก็จะดีมาก เพราะบทความพวกนี้จะมี value ในตัวมันเอง นอกจากนี้ บทความเก่าๆ ที่ทำไว้นานแล้ว คุณก็เอามาอัปเดตเนื้อหาให้ทันสมัยมากขึ้น แล้วนำไปโพสต์ลงโซเชียลอีกรอบเพื่อดึง Traffic ก็ยังได้

 

โปรโมทตัวเองกับโลกภายนอก

ทุกคนก็มีความอยากให้เว็บไซต์ของตนเองเป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่คุณจะรอให้ผู้ชมเข้ามาหาคุณฝ่ายเดียวตลอดไปไม่ได้ (ทำได้ในกรณีของการทำ Inbound Marketing แต่ยังไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นใหม่) ซึ่งการที่คุณอยากเป็นที่รู้จัก คุณก็ต้องพาตัวเองไปอยู่ ณ จุดๆ นั้นให้ได้ด้วยการโฆษณาตัวเองบ้าง ด้วยเทคนิคแบบ Outreach ซึ่งก็คือการโปรโมทผ่าน Influencer และ Blogger ต่างๆ ที่จะเป็นตัวกลางในการช่วยสร้าง brand awareness ให้เรากับบรรดาผู้ติดตามของเขา ดูตัวอย่างง่ายๆ ก็คือ “การฝากร้าน” ซึ่งทำได้ฟรีๆ แต่วิธีนี้จะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นถ้าเราเลือกที่จะให้เซเลปคนดังในวงการช่วยโฆษณาให้เราแทน ดังนั้น พิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนลงมือทำ

 

ลงทุนกับ Ads

ถ้าคุณไม่มีเวลามานั่งทำทุกอย่างเอง แต่ต้องการให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จักเร็วขึ้น ก็ต้องลงทุนกับ Ads ในช่องทางต่างๆ เช่น

– Google Adwords : การลงทุนกับคีย์เวิร์ดของสินค้า หรือบริการกับ Google จะช่วยให้เว็บไซต์ของเราแสดงผลอยู่เป็นอันดับแรกๆ เมื่อผู้ใช้ search คีย์เวิร์ดที่เราลงโฆษณาไว้

– Facebook : โซเชียลมีเดียยอดนิยมในปัจจุบันที่สามารถสร้าง campaign เพื่อลงโฆษณา และกำหนดวัตถุประสงค์ของการโฆษณาได้อย่างชัดเจน เช่น ถ้าเราต้องการทำให้แบรนด์เราเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ก็ต้องสร้าง content มาหนึ่งชิ้น แล้วเลือกวัตถุประสงค์ในการโฆษณาให้เป็น Brand Awareness แล้ว Facebook ก็จะคำนวณให้เสร็จสรรพว่า ควรยิงโฆษณาไปหาใครบ้าง

– Instagram Ads : ณ ขณะนี้ การลงโฆษณาใน IG กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น และกระแสตอบรับก็ค่อนข้างเป็นไปในแง่บวกด้วย ซึ่งแอบบอกนิดนึงว่าการลงโฆษณาใน IG มียอด reach สูงกว่า Facebook ซะอีก แม้ว่าจะใช้งบประมาณเท่ากันก็ตาม