ขั้นตอนสู่ความสำเร็จในการทำเว็บไซต์
ถ้าอ่านบทความนี้จบ ทางทีมงาน MWE คิดว่า คุณจะต้องค้นพบวิธีการที่จะทำให้เว็บไซต์ประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน ลองมาดูขั้นตอนง่ายๆกันที่จะเป็นไกด์นำทางให้เว็บคุณเกิดเป็นเว็บที่ดีได้กัน
เริ่มต้นด้วย
1. รู้จักกลุ่มผู้ใช้งานเว็บไซต์
ก่อนที่จะพัฒนาเว็บไซต์ คุณควรจะเรียนรู้อุปนิสัยของคนเข้าชมก่อน เพราะจำนวนคนเข้าชม เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของเว็บไซต์ของคุณอย่างหนึ่ง ถ้ากลุ่มเป้าหมายของคุณเป็นกลุ่มนักธุรกิจมืออาชีพ ก็ควรออกแบบเว็บไซต์ให้ดูสะอาด มีทิศทางของหน้าเว็บเพจที่เข้าใจง่าย แต่ถ้ากลุ่มผู้อ่าน ผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณเป็นกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน ก็ควรออกแบบเว็บไซต์ให้ดูผ่อนคลาย ไม่เป็นทางการนัก ให้ความรู้สึกที่น่าเข้าไปเยี่ยมชม
.
ดังนั้น กุญแจสำคัญก็คือ คุณควรที่จะรู้ว่ากลุ่มตลาดเป้าหมายหลักของคุณนั้นเป็นใคร และสร้างเว็บไซต์ของคุณให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายนั้น ซึ่งการออกแบบเว็บไซต์นั้น ไม่ใช่คุณที่เป็นตัวกำหนด แต่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการดึงดูดให้เข้ามาที่เว็บไซต์ต่างหาก ที่เป็นผู้กำหนดว่าควรจะออกแบบเว็บไซต์อย่างไร ไปในทิศทางใด เพื่อที่ดึงดูดกลุ่มคนเหล่านั้นเข้ามาที่เว็บไซต์ของคุณได้
2. มี Theme เว็บไซต์ที่ชัดเจน
เว็บไซต์ของคุณควรมี Theme ที่ชัดเจน เพราะจะทำให้ผู้อ่านทราบว่าเว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับอะไร ตั้งแต่วรรคแรกที่อ่านในหน้าเว็บเพจแรก ถ้าคุณเป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการขายสินค้า หรือขายบริการ ก็ควรจะให้มีความชัดเจน ให้ผู้อ่าน ผู้เข้าเยี่ยมชมรู้ว่าเว็บไซต์คุณเป็นเว็บขายสินค้า และบริการตั้งแต่ 30 วินาทีแรกที่เห็นหน้าเว็บไซต์ แต่ถ้าเว็บไซต์ของคุณขายสินค้าที่หลากหลายชนิด ก็ควรจะมีหน้าเว็บสำหรับสินค้าแต่ละชนิด ไม่ควรที่จะนำสินค้าที่มีอยู่ทั้งหมดมาอัดแน่นไว้ที่หน้าเว็บเดียว
3. ต้องเร็ว
ต้องทำให้เรียกหน้าเว็บเพจได้เร็ว จำไว้ว่าใครๆ ก็รีบกันทั้งนั้น ไม่มีใครชอบที่จะรอ ไม่ว่าจะรออะไรก็ตาม แม้แต่ในโลกของอินเทอร์เน็ต ก็ไม่มีข้อยกเว้น ยกตัวอย่างง่ายๆ ความเร็วของอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน เทียบกับเมื่อก่อน มีความเร็วแตกต่างกันแค่ไหน แต่คุณก็ยังรู้สึกไม่พึงพอใจกับความเร็วที่เพิ่มขึ้น ยังไงก็ยังรู้สึกว่าอินเทอร์เน็ตยังเร็วไม่พออยู่นั่นเอง แม้ว่าในความเป็นจริงจะมีการศึกษาและแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีได้ก้าวกระโดดไปไกลแล้วก็ตาม แต่ก็ยังน้อยกว่าความคาดหวังของผู้บริโภคอยู่นั่นเอง
และด้วยความรู้สึกอันนี้ คุณคิดว่าจะทำให้เว็บไซต์ของตัวเองมีความเร็วได้มากแค่ไหน ซึ่งความจริงข้อหนึ่งก็คือ ผู้เข้าเยี่ยมชมมักจะอ่านคอนเทนต์บนหน้าเว็บไซต์ของคุณโดยใช้เวลาแค่ 10-15 วินาที จากนั้นจะเขียนโน้ตเอาไว้ว่ามีเรื่องอะไรที่ผู้เข้าชมต้องการรู้จากเว็บไซต์คุณบ้าง และก็จะตัดสินใจว่าจะใช้เวลาอันมีค่ายิ่งนั้น กับหน้าเว็บไซต์ของคุณนานเท่าไหร่ ซึ่งถ้าเว็บไซต์ไหนเรียกข้อมูลขึ้นมาได้ช้า ผู้เข้าชมก็คงโบกมือลา แล้วไปหาอ่านจากเว็บไซต์อื่นทันที
4. K.I.S.S.
อ่า..เราไม่ได้กำลังพูดถึงวงร็อกเกอร์ในยุคปี 80 แต่เรากำลังพูดถึงคำพูดที่เก่าแก่ และสุดแสนจะคลาสสิค นั่นก็คือ “Keep It Simple, Stupid –ทำให้มันง่ายๆ สิจ๊ะ เด็กโง่” ถ้าทิศทาง (navigation) ในเว็บไซต์ของคุณไม่ได้ทำให้ผู้เข้าเยี่ยมชมสามารถค้นหาข้อมูลได้ด้วยสัญชาตญาณตัวเอง หรือไม่รู้ว่าจะคลิกไปที่ไหน ถึงจะพบสิ่งที่ต้องการค้นหาแล้วละก็ คงจะเป็นการยากที่จะแข่งกับเว็บไซต์อื่น
หรือจะพูดให้ง่ายกว่านั้นก็คือ ผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ส่วนใหญ่ไม่ต้องการที่จะเสียเวลาเพื่อหาข้อมูลมากนัก เรียกได้ว่า ผู้เยี่ยมชมทั้งหลายต่างก็ไม่ต้องการที่จะคลิกเกิน 3 ครั้ง เพื่อค้นหาสิ่งที่ต้องการ ดังนั้น ควรจะพิจารณาเรื่องความยากง่ายในการใช้เว็บไซต์ และทิศทางของหน้าเว็บด้วย ซึ่งถ้าจะให้แข่งขันกับเว็บไซต์อื่นๆ ได้ก็ควรที่จะให้ผู้เข้าเยี่ยมชมเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้ไม่เกิน 3 คลิก
5. มีความสอดคล้อง
คุณมักจะได้ยินนักกอล์ฟพูดอยู่เสมอกว่า ส่วนที่สำคัญที่สุดของการทำวงสวิงก็คือ “ความสอดคล้อง” ซึ่งนักกอล์ฟก็ต้องมีความเข้าใจถึงความสอดคล้องนั้นให้ได้อย่างแจ่มแจ้ง ชัดเจน ไม่อย่างนั้นก็คงทำวงสวิง ตีกอล์ฟได้ไม่ดี ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับหน้าเว็บไซต์ของคุณ ที่จะต้องมีความสอดคล้องกัน ทั้งในเรื่องรูปลักษณ์ อารมณ์ ความรู้สึกของหน้าเว็บ และการออกแบบที่ต้องเชื่อมโยงกันตลอดทั้งเว็บไซต์
หากหน้าเว็บไซต์ของคุณในแต่หน้ามีความแตกต่างทั้งรูปลักษณ์ ทิศทางของหน้าเว็บ (navigation) แล้วหล่ะก็อาจจะสร้างความงุนงง สร้างความรำคาญให้กับผู้เข้าเยี่ยมชมได้ ซึ่งถ้าจะให้ดี ควรที่จะใช้สี, themes, navigation และการออกแบบที่มีความสอดคล้องกัน ไปในทิศทางเดียวกันตั้งแต่หน้าแรก ไปจนหน้าสุดท้ายของหน้าเว็บไซต์
.
6. เชื่อถือได้
สำคัญมากๆนะคะ จุดนี้ ถ้าลูกค้า ผู้เข้าเยี่ยมชม รู้สึกไม่เชื่อถือเว็บไซต์ของคุณอยู่ตลอดเวลา แล้วละก็ เม็ดเงินที่จ่ายไปให้กับการออกแบบเว็บไซต์ การพัฒนาเว็บไซต์ ก็คงจะสูญเปล่า ไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา เพราะว่าโดยธรรมชาติของอินเทอร์เน็ตแล้ว ก็มีความไม่น่าเชื่อถือ ไม่น่าไว้วางใจเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ดังนั้นคุณควรที่จะสร้างความรู้สึกน่าเชื่อถือ น่าไว้วางใจให้กับผู้เข้าเยี่ยมชม เพื่อเพิ่มระดับของความน่าไว้วางใจให้เกิดขึ้น
หนทางที่จะสร้างความน่าเชื่อถือได้ก็คือ สร้างภาพลักษณ์ของเว็บไซต์ให้เป็นเว็บไซต์ มือสะอาด ไม่ทำสิ่งผิดกฎหมาย มีการเปิดเผยข้อความที่เกี่ยวข้องกับบริษัทอย่างชัดเจน เช่น เบอร์ติดต่อ ที่อยู่บริษัท ข้อมูลประวัติ ความเป็นมาของบริษัท เป็นต้น ซึ่งถ้าคุณมีความรู้สึกตะขิดตะขวงใจ ไม่ต้องการจะเปิดเผยข้อมูลบริษัทกับลูกค้า แล้วจะทำให้ลูกค้าเชื่อถือคุณมากพอที่จะซื้อสินค้า หรือทำธุรกิจกับเว็บไซต์คุณได้อย่างไร
.
7. มีระบบชำระเงินที่เข้าใจง่าย
บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลหลักอย่างหนึ่ง ที่ทำให้ amazon.com เป็นเว็บไซต์ที่ประสบความสำเร็จ นั่นก็เป็นเพราะว่ามีระบบการชำระเงินที่เข้าใจง่าย ชัดเจน เข้าถึงง่าย สามารถใช้สัญชาตญาณตัวเองในการเรียนรู้ขั้นตอนต่างๆ เพื่อชำระเงิน โดยที่ไม่จำเป็นต้องหาอ่านข้อมูลเพิ่มเติม โดยคุณควรจะทำให้แต่ละขั้นตอนของการชำระเงินนั้นเข้าใจง่าย ผู้ใช้บริการไม่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้การทำธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์
.
8. สร้างอันดับที่ดีใน Search Engine
จากการศึกษาของ Jupiter Media Matrix พบว่า มากกว่า 55% ของการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตเริ่มจาก Search Engine แต่ 93% ของลูกค้ากลุ่มนี้ จะไม่คลิกไปดูหน้าผลลัพธ์ที่ได้จากการค้นหาด้วย Search Engine เกิน 2 หน้า ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย ควรจะทำให้การจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณจากการค้นหาด้วย Search Engine ขึ้นไปอยู่ในอันดับต้นๆ เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้เยี่ยมชมเข้ามาที่เว็บไซต์มากขึ้น
.
9. เข้าถึงได้ง่าย
“The power of the Web is in its universality. Access by everyone regardless of disability is an essential aspect. –พลังของเว็บอยู่ที่ความครอบคลุมของมัน การที่ทุกคนสามารถเข้าถึง โดยปราศจากการกำจัดสิทธิ์ คือหัวใจสำคัญ ” — Tim Berners-Lee, W3C Director and inventor of the World Wide Web
ในช่วงที่ Berners-Lee พูดประโยคนี้ขึ้นมา ก็เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว แต่ก็ยังคงเป็นคำพูดที่นำมาใช้ได้จนถึงทุกวันนี้ ซึ่งเพียงแค่คุณทำเว็บไซต์ให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายมากเท่าไหร่ ก็มีโอกาสที่จะมีผู้เข้าเยี่ยมชมเข้าถึงเว็บไซต์คุณได้มากขึ้นเท่านั้น
.
10. ความเข้ากันได้
ในสมัยที่ Microsoft’s Internet Explorer เบราเซอร์ชื่อดังยังมีส่วนแบ่งการตลาดไม่มากนักนั้น การแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นนั้นคือจะต้องทำให้เบราเซอร์นั้นสามารถเข้ากันได้กับความต้องการของตลาด รวมทั้งกับซอฟต์แวร์ตัวอื่นๆ ที่เป็นที่นิยมอยู่ในตลาด ซึ่งเทคนิคนี้ก็ยังคงใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน และมีส่วนทำให้ Microsoft’s Internet Explorer ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้อย่างมากมาย
ความเข้ากันได้ (Compatibility) กับผู้อื่น ถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งคุณสามารถนำแนวทางที่ Microsoft’s Internet Explorer ใช้นั้น มาใช้กับการพัฒนาเว็บไซต์ของตัวเองได้ โดยคุณควรจะพัฒนาเว็บไซต์ให้สามารถใช้งานเข้ากันได้กับทุกๆ เบราเซอร์ที่เป็นที่นิยมอยู่ในปัจจุบัน และทำให้มันใช้ง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้
ความเข้ากันได้กับอุปกรณ์อื่นๆ ซอฟต์แวร์ชนิดอื่นๆ ได้กลายเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุดไปแล้วในเวลานี้ เมื่อผู้บริโภคเริ่มที่จะเข้าสู่เว็บไซต์โดยใช้อุปกรณ์อื่นนอกเหนือไปจากเครื่องคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปแบบเดิมๆ ที่เราคุ้นเคย อย่างเช่น PDA, โทรศัพท์มือถือ, Car Display หรือแม้แต่นาฬิกาข้อมือ ที่ต่างพัฒนากันให้ล้ำสมัยมากขึ้น เป็นต้น
.
11. เนื้อหา “Content is King” คุณคงได้ยินวลีนี้กันบ่อยๆ ซึ่งวลีนี้อาจจะเป็นจริง หรือไม่ก็ได้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้ว่าจะไม่ผิดพลาดแน่นอน นั่นก็คือ ถ้าคุณต้องการให้ชื่อเว็บไซต์ของคุณอยู่ในอันดับต้นๆ ของ Search Engine คุณต้องขยันป้อนข้อมูลเข้าไปในเครือข่ายใยแมงมุมนี้ให้บ่อยๆ อีกทั้งข้อมูลที่ป้อนเข้าไปในเครือข่ายจะต้องนำเสนอข้อมูลที่ดี และมี Keywords ที่ดึงดูดให้สามารถค้นหาได้ง่าย โดยแต่ละหน้าเว็บเพจควรจะมีสัก 2-3 Keywords ที่เป็นประเด็นสำคัญๆ อยู่ในนั้น และควรที่จะมีเนื้อหา มีแก่นสารสาระในแต่ละหน้าเว็บเพจอย่างเพียงพอ เพื่อให้นักท่องเครือข่ายใยแมงมุมได้รับสาระสำคัญๆ มองเห็นประโยชน์ที่ได้รับจากเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งนั่นจะทำให้พวกเขากลับมาคุณอีกครั้งแล้วครั้งเล่า
เราคิดว่าทุกท่านที่อ่านก็คงได้เกร็ดเค็ลดลับดีๆไปกันบ้างไม่มากก็น้อยก็ลอง นำไปใช้กันดูเพื่อนำมาสู่เว็บที่ดีถูกใจทั้งเจ้าของเว็บและผู้เข้าชมเว็บเรา
ทีมงาน MWE
หากมีข้อสงสัยหรือแนะนำสามารถส่งมาได้ตามช่องทางเหล่านี้