SEO vs Google Ads อยากโปรโมทเว็บไซต์ให้ปังเลือกทำอะไรดี
เคยสงสัยไหมคะว่าการทำการตลาดของ SEO กับ Google Ads ต่างกันยังไง ไม่ว่าจะนักการตลาด กลุ่มคนที่ทำธุรกิจ หรือแม้กระทั่งบุคคลทั่วไป อาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างเกี่ยวกับการทำการตลาดออนไลน์ ที่มีทั้งมีค่าใช้จ่าย หรือไม่มีค่าใช้จ่ายก็ตาม อย่างเจ้าตัว SEO ที่เขาว่าดีและไม่มีค่าใช้จ่าย กับ Google Ads ที่เห็นผลเหมือนกันแต่มีค่าใช้จ่าย เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็จะตามมาด้วยเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่ ๆ ว่า SEO มันไม่มีค่าใช้จ่ายจริงเหรอแล้วมันดีจริงไหม แล้วที่มีค่าใช้จ่ายอย่าง Google Ads หล่ะมันดียังไงคุ้มไหมนะที่เราจะทำ แล้วหากทำ SEO กับ Google Ads ควบคู่กันไปเลยหล่ะได้รึป่าว ไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันได้ที่บทความนี้เลยค่ะ
SEO หรือ Search Engine Optimization การติดอันดับแบบธรรมชาติ
SEO คือ การเพิ่มประสิทธิภาพปรับแต่งโครงสร้างเนื้อหาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพมากขึ้น มีเนื้อหาและคีย์เวิร์ดที่ไปในทิศทางเดียวกัน ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เป็นเป้าหมายของคุณ และการทำ SEO ที่ดียังช่วยดันให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับหน้าแรกๆ บน Google ได้ ซึ่งการทำ SEO นิยมผสมผสานไปกับการทำ Content สร้างสรรค์ด้านเนื้อหาที่สามารถตอบโจทย์และความต้องการของคนอ่าน หากเว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บไซต์ขายสินค้า ก็จะใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสมกับการขายสินค้าประเภทนั้น นำมาสอดแทรกไปกับ Content การขายบนเว็บไซต์ของคุณเพื่อให้ลูกค้าที่เข้ามาประทับใจกับเว็บไซต์ การทำ SEO ใช้ระยะเวลานานกว่า Google Ads SEO ใช้ระยะเวลาอยู่ที่ 6 เดือนอย่างต่ำ แต่ ! เมื่อเว็บไซต์ของคุณติดลมบนแล้ว จะอยู่บนหน้า Google แบบระยะยาว ไม่หายไปเหมือนกับการทำ Google Ads ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความขยันการอัปเดตเว็บไซต์ของคุณด้วย
-
ข้อดีในการทำ SEO
ยอดคนที่กดเข้ามาเว็บไซต์เรา จะเป็นแบบธรรมชาติ (Organic List) หมายความว่า เป็นกลุ่มคนจริง ๆ ที่กดเข้ามา มีการเยี่ยมชมเว็บไซต์ ซึ่งก็จะเพิ่มโอกาสที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้นโดยที่ไม่เสียค่าบริการ เมื่อติดอันดับแล้วผลลัพธ์ก็จะมั่นคงและยาวนานหากดูแลอัปเดตเว็บไซต์อยู่เสมอ
Google Ads หรือ Google Adwords (SEM) การติดอันดับโฆษณาแบบมีค่าใช้จ่าย
Google Ads คือบริการ จาก Google ที่เป็น Search Engine อันดับ 1 ของโลก เป็นการโฆษณาโปรโมทเว็บไซต์บนหน้า Google ที่เห็นผลไว ที่ช่วยให้อันดับของเว็บไซต์ขึ้นมาอยู่หน้าต้น ๆ ได้ทันที
แต่ ! ต้องเสียเงินทำโฆษณาเรียกว่า PPC (Pay Per Click) ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง คุณจะเสียเงินเมื่อมีคนคลิกเข้ามาที่โฆษณาคุณ เมื่อหยุดทำ Google Ads เว็บไซต์ของคุณก็จะหายไปจากหน้า Google
-
ข้อดีในการทำ Google Ads
อย่างที่กล่าวไปว่า Google Ads เป็น Search Engine อันดับ 1 ของโลก ทำให้หลาย ๆ เว็บไซต์เลือกใช้ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถขึ้นอันดับบน Google ได้อย่างรวดเร็ว ทันเทรนด์ ทันกระแสในขณะนั้น และถ้าหากคุณเลือกใช้ Keyword ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย จะช่วยเพิ่มโอกาสการมองเห็น และส่งผลให้มีคนคลิกเข้ามาถึงสินค้ามากขึ้น ทำให้เงินที่คุณเสียไปกับค่าคลิกไม่เปล่าประโยชน์ แถมทำให้โฆษณาของคุณเกิดประสิทธิภาพ ดังนั้นการทำ Google Ads จึงเป็นช่องทางการตลาดอีกหนึ่งช่องทางที่จะเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเข้าถึงธุรกิจของคุณได้ดีทีเดียว
-
ข้อเสียในการทำ Google Ads
ค่าใช้จ่ายสูงและไม่ได้การันตียอดขายถ้าเทียบกับเงินที่เสียไป คุณต้องจ่ายค่า Keyword ให้แพลตฟอร์ม Google ตามความจริง โดยคิดเงินเป็นต่อวัน เช่น วันนี้ตั้งงบประมาณไว้ 500 บาท มีคนคลิกเข้ามา 10 คน เงินของคุณก็จะหมดเมื่อใช้เงินจนหมดแล้ว โฆษณาเว็บไซต์ของคุณก็จะหายไป
เปรียบเทียบกันให้ชัด ๆ SEO VS Google Ads
เปรียบเทียบด้านค่าใช้จ่าย
- Google Ads : ค่าใช้จ่ายเป็นรูปธรรมมากกว่า คุณสามารถตั้งงบประมาณต่อวันได้ว่าต้องการใช้เงินลงไปกับการโฆษณามากน้อยแค่ไหนให้โฆษณาของคุณติดหน้าแรกของ Google ซึ่งเราสามารถคำนวณงบประมาณได้จาก Keyword ที่ต้องการใช้ ที่ผ่านการรีเสิร์ชแล้ว
- SEO : อาจจะมีค่าใช้จ่ายแฝง เช่น หากคุณไม่เขียนบทความเอง ก็อาจจะต้องจ้าง SEO Specialist เข้ามาช่วยในส่วนนี้ ซึ่งราคาก็จะต่างกันออกไปในแต่ละทีม
เปรียบเทียบข้อดี – ข้อเสีย
Google Ads : Technical รวดเร็วเห็นผลไว หากทีมที่ทำมีความชำนาญและเชี่ยวชาญมากพอ เมื่อ Set ทุกอย่างเรียบร้อย รอไม่นาน เว็บไซต์ของคุณก็ปรากฎ บน Google ได้แบบรวดเร็ว
ข้อดี
- เมื่อเริ่มกระบวนการการทำโฆษณาแล้ว ใช้เวลาไม่นานในการดันเว็บไซต์ของคุณให้ขึ้นหน้า Google
- สามารถควบคุมงบประมาณค่าใช้จ่ายได้
ข้อเสีย
- เมื่อคุณหยุดการทำโฆษณา เว็บไซต์ของคุณจะหายไปจากหน้า Google ถ้าหากอยากให้เว็บไซต์ของคุณอยู่บนหน้า Google เสมอ คุณจำเป็นต้องเสียค่าบริการในการทำโฆษณาตลอด
- มีค่าใช้จ่ายเยอะ เมื่อมีคนคลิกเข้ามาเว็บไซต์คุณ นั่นคือคุณเสียค่าบริการ (1 คลิก : 1 ครั้ง)
SEO : ใช้เวลานานกว่า Google Ads โดยเฉลี่ยแล้วจะ 3-6 เดือนขึ้นไป เนื่องจากการทำ SEO เป็นการเก็บ Traffic แบบธรรมชาตินับจากคนที่เข้ามาดูเว็บไซต์จริง ๆ และ Google มองว่าเว็บไซต์ของคุณมีคุณภาพ Google ก็จะรวบรวมคะแนนค่อย ๆ สะสมคะแนนเว็บไซต์ของคุณไปเรื่อย ๆ จึงจะเริ่มมีอันดับที่เปลี่ยนแปลง
ข้อดี
- หากคุณทำเองได้จะประหยัดค่าใช้จ่ายมาก หรือหากคุณว่าจ้างผู้ชำนาญ (SEO Specialist) ค่าใช้จ่ายจะเป็นไปตามที่คุณตกลงกับทีม
- เมื่อคุณติดอันดับแล้ว เว็บไซต์ของคุณจะติดระยะยาวแม้ไม่ทำโฆษณา แต่คุณต้องหมั่นอัปเดตเว็บไซต์ด้วยนะ
ข้อเสีย
- ใช้ระยะเวลานาน 6 เดือนถึงจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง สินค้าที่จำหน่ายตามกระแสหากทำ SEO เว็บไซต์อาจจะไม่ทันเทรนด์
- ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ และเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการปรับปรุงเว็บไซต์
เมื่อคุณอ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะมีคำถามว่า อืมแล้วแบบนี้ SEO กับ Google Ads ทำพร้อมกันได้ไหม คำตอบก็คือ สามารถทำได้
เพราะ SEO จะใช้เวลาที่ยาวนานกว่า Traffic จะขึ้น อย่างที่บอกว่าอย่างน้อยคือ 6 เดือน หากว่าคุณปล่อยเวลาไปเฉย ๆ ไม่ได้ทำการตลาดอื่น ๆ เลย รอแค่ SEO อย่างเดียว อาจจะปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไป สินค้ากระแสอาจจะหมดเทรนด์ไปก่อน หากเป็นเช่นนั้นแล้วถ้าคุณทำการตลาดด้านอื่นควบคู่ไปด้วย อย่าง Google Ads ก็จะมี Traffic จาก Google Ads เข้ามาที่เว็บไซต์บ้าง
และเมื่อทิ้งระยะเวลาไปปล่อยให้ SEO ได้ทำงาน และมี Traffic ที่เป็น Organic เข้ามาบ้างแล้ว คุณอาจจะค่อยๆลดงบ Google Ads ลงไป แล้วไปเน้นการปรับปรุงเว็บไซต์เน้นการทำ SEO แบบนี้ได้เหมือนกันซึ่งก็จะเป็นผลดีกับเว็บไซต์คุณ
แต่ถ้าหากยังลังเลว่าเว็บไซต์ของคุณจะเริ่มทำอะไรก่อนดี หรืออยากลองเริ่มโปรโมทเว็บไซต์บ้างแล้วหล่ะก็ เรามีทีม Specialist ที่เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน พร้อมให้คำปรึกษา ให้คำตอบที่ตรงประเด็น เป็นกันเอง สามารถติดต่อได้ที่ช่องทางด้านล่างนี้เลยนะคะ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่เข้ามา แล้วเจอกันใหม่บทความหน้าค่ะ
สร้างโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณติดหน้าแรก Google เพิ่มผู้ชม และยอดขายบนเว็บไซต์ด้วยบริการ SEO ของเราให้ธุรกิจคุณเหนือกว่าคู่แข่ง